
ผลงาน ประสบการณ์ สร้างให้รู้จักการพัฒนาและเป็นประสบการณ์ ให้มากยิ่งขึ้น ขอขอบพระคุณลูกค้าทุกท่านที่ช่วยสร้างความสำเร็จ หัวใจสำคัญคือลูกค้าเก่าจะคอยบริการอย่างเต็มที่

บทความ จานดาวเทียม
ระบบจานดาวเทียมที่ใช้ตามบ้านมี 2 ระบบ คือ
1. ระบบ KU BAND
2. ระบบ C Band
ความแตกต่างระหว่าง 2 ระบบนี้ แตกต่างกัน โดยจะขออธิบายถึงข้อดี ข้อเสียเป็นข้อ ๆ ดังนี้
1. ระบบ KU Band
เป็นจานดาวเทียมขนาดเล็ก โดยส่วนใหญ่จะมีขนาด 45 - 75 เซนติเมตร โดยระบบนี้ ข้อดีก็คือ ใช้เวลาติดตั้งน้อย ติดตั้งง่าย ไม่เปลืองเนื้อที่ในการติดตั้ง ไม่ต้องกลัวเรื่อง ฟ้าผ่าจานดาวเทียม จานประเภทนี้จะไม่สามารถรับชม ได้ในเวลาที่ฝนตกหนัก ๆ (ขึ้นอยู่กับช่างที่ติดตั้ง) และจำนวนช่องที่ไม่มาก (ประมาณ 60 - 120 ช่อง ) และข้อดีที่สำคัญที่สุดในขณะนี้ก็คือ สามารถชมบอลได้ในขณะที่สัญญาณส่งทางช่องปกติ เช่น CH3 CH5 CH7 Modern nine NBT TPBS ได้ 100 %
2. ระบบ C band
เป็นจานดาวเทียมขนาดใหญ่ หรือที่ชาวบ้านทั่วไปอาจจะเรียก จานดำ จานใหญ่ จานตระแกรง เป็นจานมีขนาดตั้งแต่ 120 -190 เซนติเมตร โดยระบบนี้มีข้อดีคือ สามารถดูได้ในขณะฝนตกหนัก แต่ข้อเสียคือ ใช้เนื้อที่กว้าง ติดตั้งยาก และบางทีอาจจะเกิดฟ้าผ่าที่จานดาวเทียม ทำให้อุปกรณ์เสียหายได้ จานประเภทนี้ ข้อดีอีกอย่างคือ มีช่องรายการที่มากมาย และสามารถรับชมช่องต่างประเทศได้อีกหลายช่อง (ถึงแม้ช่องส่วนมากเราจะไม่ดูก็ตาม เพราะว่าช่องส่วนใหญ่ จะเป็น อินเดีย เขมร เวียดนาม พม่า ส่วนช่องไทยหลาย ๆ ช่องก็เป็นโฆษณาขายของ) และข้อเสียที่สำคัญ ก็คือ ดูบอลไม่ค่อยได้. ถึงแม้ว่า ปัจจุบัน จะมีเครื่องรับสัญญาณ (Receiver) ชนิดพิเศษขึ้นมาที่เรียกว่า Bisskey ก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะดูได้ทุกครั้ง..
สาเหตุที่ทำให้ระบบจาน C-band ไม่สามารถดูบอลได้ทุกแมตย์แล้วทำไม KU ถึงดูได้ มีสาเหตุดังนี้ครับ
จานดาวเทียม C band สามารถชมได้หลายประเทศ โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่าย แต่ในขณะที่ KU นั้นชมได้เพียงแค่ประเทศไทยเท่านั้น งง ใช่ไหมว่า มันเกี่ยวกับการดูบอลยังไง รู้จัก ฟีฟ่า ไหม ฟีฟ่า(FIFA) เป็นคนจัดระบบ ฟุตบอลทั่วโลก จะมีรายได้จากการขายช่องสัญญาณฟุตบอล ได้รับแจ้งมาว่า จานดาวเทียม Thaicom C-band นั้นสามารถชมบอลได้ โดยไม่ต้องเสียเงิน ประเทศที่รับสัญญาณดาวเทียมไทยคมก็พากันหันหน้าจานดาวเทียมมาทางไทยคม เช่น เวียดนาม ลาว พม่า อินเดีย ฯลฯ ก็ดูได้ ไม่ต้องเสียเงิน ดั่งเขาบอก ความลับไม่มีในโลก ทาง FIFA ก็บอกว่า "อ้าว อย่างนี้ ก็ไม่ต้องขายกันพอดี.." ก็เลยบอกมายังประเทศไทยว่า คุณ ต้องดักสัญญาณอะไรก็ได้ โดยที่ประเทศอื่นต้องดูไม่ได้ ไม่อย่างนั้นFIFA จะไม่อนุญาตให้คุณดูเลย ผลสุดท้ายก็เลยต้องยอม จึงดูได้เฉพาะ KU เท่านั้น หรือไม่ก็ต้องไปดู สายอากาศภาคพื้นดิน เช่น แพก้างปลา หรือสายอากาศหลังทีวี ที่บ้านผมเรียกว่า หนวดกุ้ง จนกระทั่ง จาน KU ตอนนั้นถึงกับขาดตลาดทุกยี่ห้อ ไม่ว่าจะเหลือง(DTV) แดง(True Vision) เทา น้ำเงิน(Samart) และ ส้ม(IPM) และแพก้างปลา หลังจากไม่ได้ขายมานาน ถึงกับหมดเลย ก็ได้มีทาง PSI ได้ไปเจรจากับทาง RS (ตอนนั้น RS ได้สัมประทานบอลโลก) เพราะว่าตอนนั้นมีช่องสัญญาณอยู่แล้ว และระบบเข้ารหัสอยู่แล้ว ก็ได้ช่องบอลมาถ่ายทอดให้พวกเราดูกันในช่อง PSI Chanel ทำให้เครื่องรับสัญญาณ O2 ขาดตลาดไปตามกัน แล้วทุกยี่ห้อก็เริ่มทำระบบนี้ขึ้นมา โดยตั้งชื่อ ที่รู้จักกันในนาม Biss Key (บิสคีย์) แต่อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ ก็ยังไม่สามารถดูได้ทุกเกมส์